ตำนานเรื่องเล่าเวียงน้อย
ดอยเวียงสู่ดอยงุ้ม(โง้ม)
ในอดีตกาล มีพระสงฆ์ผู้ทรงศีลรูปหนึ่งชื่อว่า พระกะตาคะตะ ได้เดินธุดงค์มาจากบ้านริมออน (ปัจจุบันคือ บ้านออน อ.สันกำแพง จ.เชียงใหม่ ) เมื่อเดินทางมาถึงบริเวณแห่งหนึ่ง(เขตอำเภอบ้านธิในปัจจุบัน) ท่านได้พบภูเขาสูงอยู่ทางทิศตะวันออกเฉียงใต้ มองไกล ๆ มีลักษณะคล้ายรูปปากครุฑ(ปัจจุบันคือดอยงุ้ม) และเมื่อเข้าไปดูในระยะใกล้ ทางด้านทิศเหนือของภูเขา มีลำน้ำสายหนึ่งไหลผ่านจากทิศเหนือสู่ทิศใต้ มองดูแล้วใสสะอาดตา เมื่อท่านเดินธุดงค์ไปถึงยอดเขา ได้พบถ้ำแห่งหนึ่งซึ่งเป็นถ้ำที่ปิดตายท่านจึงได้นั่งบำเพ็ญภาวนา จนกระทั่งได้ทราบเรื่องราวทั้งหมด เดิมที่ในอดีตเดิมถ้ำแห่งนี้มีฤๅษีตนหนึ่งชื่อว่า “สุจาตะฤๅษี” นั่งบำเพ็ญภาวนาจนถึงขั้นวิปัสสนากรรมฐาน โดยมีพญานาคชื่อว่า “นาคะจารา”คอยปกปักรักษาถ้ำอยู่
วันหนึ่งฤๅษีได้เดินธุดงค์ไปทางทิศใต้เพื่อบิณฑบาตโปรดสัตว์ จนกระทั่งได้พบหมู่บ้าน แห่งหนึ่ง ตั้งอยู่ใกล้เชิงเขา รอบ ๆ หมู่บ้านแห่งนั้นมีแม่น้ำไหลผ่าน (ภายหลังผู้คนเรียกแม่น้ำสายนี้ว่า “ลำน้ำแม่ธิ” ที่หมู่บ้านแห่งนี้ มีผู้ปกครองชื่อว่า “ขุนหลวงปาระวิจา” เป็นผู้มีลักษณะที่ดี กล่าวคือ หน้าตาอิ่มเอิบ มีใจบุญสุนทาน สติปัญญาดี และเป็นนักปกครองที่มีฐานะ ได้สร้างบ้านไว้ทางทิศตะวันออก ติดเชิงเขาบริเวณขุนน้ำแม่ธิ และบริเวณรอบ ๆ มีบ้านเรือนปลูกสร้างไว้อีกหลายหลัง ขุนหลวง ปาระวิจาได้ตั้งชื่อชุมชนแห่งนั้นว่า “เวียงน้อย” (ปัจจุบันคือ ดอยเวียง)
|
ขุนหลวงปาระวิจา นอกจากจะมีทรัพย์สินแล้ว ยังเป็นนักปกครองที่เปี่ยมไปด้วยคุณธรรมมีความเลื่อมใสในพระพุทธศาสนาที่ยากจะหาผู้เปรียบได้ ท่านได้ร่วมกับมิตรสหาย สร้างพระวิหาร พระพุทธรูป พระพุทธรูปองค์ใหญ่ไว้ ๓ องค์ ไว้บริเวณเชิงเขา ปัจจุบันคือบริเวณวัดพระธาตุดอยเวียง และยังสร้างมหาธาตุเจดีย์เจ้าไว้บนดอยสูง อีกด้วย ![]()
![]()
![]()
ขุนหลวงปาระวิจาจึงได้กลับไปเล่าเรื่องราวทั้งหมดให้ลูกเมียฟัง พร้อมกับสั่งเสีย ให้ดูแลทรัพย์สินและบริวารซึ่งนางก็มิได้ขัดข้องแต่ประการใด หลังจากนั้นขุนหลวงปาระวิจาก็ได้ชักชวนมิตรสหายสี่คนพากันนำแก้วแหวน จำนวนหนึ่งแสนชิ้น พร้อมเครื่องไม้ใช้สอย เช่น ตะไหลแก้ว ตะไหลคำ นำไปเก็บไว้ที่ถ้ำของพญานาค แล้วชวนกันปฏิบัติธรรม ณ สถานที่แห่งนี้เรื่อยมา
|