เหยียบแผ่นดินแม่สิบสองปันนา
หลังจากตื่นตาตื่นใจกับสิ่งรอบตัวร้านค้าต่างๆแล้ว บางคนก็ทำธุระส่วนตัวไปฝ่ากับระเบิดกันมา เจ้าหน้าที่บริษัท 9 จอม 12 เชียง (คนจีนที่พูดภาษาไทยได้ก็เรียกพวกพี่น้องไทลื้อจากเมืองไทยขึ้นรถ ทางบริษัทเอารถบัสเล็กและใหญ่มารับพวกเราและมีป้ายต้อนรับคณะพวกเราต่างคนต่างมีความสุข แต่ก็เกิดเหตุขัดข้องบางประการคือนักแสดงเสริมจากเชียงใหม่ไม่สามารถขอวีซ่าเข้าเมืองได้ในวันนั้น เนื่องจากเจ้าหน้าที่จีนหายตัวไปรอนานมากๆ แล้วพวกเราก็ต้องมารอกันแต่สรุปแล้วพวกเราต้องโหวตกันว่าจะรอ(ซึ่งไม่รู้ว่าจะนานสักเท่าใด) หรือในกลุ่มส่วนใหญ่จะเดินทางเข้าเมืองเชียงรุ่งก่อน ขนานนั้นก็เป็นเวลา 5-6 โมงแลงแล้ว ในที่สุดบทสรุปคือคณะส่วนใหญ่ขอเดินทางเข้าเมืองก่อนเพราะการเดินทางจากเมืองไทยมาที่นี้มันไกลยาวนานเหลือเกินต้องมารอโดยไม่รู้เหตุการข้างหน้าอีก ทุกคนก็สบายใจต่างนั่งพักกันในรถบัสนั้น รถบัสพาเดินทางเข้าสู่ประตูเมืองสิบสองปันนา ตื่นตาตื่นใจแบบสุดๆถนนหนทางแตกต่างกับทางสปป.ลาวอย่างสิ้นเชิง และที่อลังการคือทางจีนทำถนนใหม่(ยังไม่เสร็จ) ข้ามดอยสูงชันลอดอุโมงค์หลายอุโมงค์ ผ่านเมืองล้า ผ่านบ้านเมืองของพี่น้องไทลื้อเอกลักษณ์ที่โดดเด่นสุดๆคือบ้าน หลังคาแบบไทลื้อทุกหลังคาเรือน ผ่านป่าต้นยางทั้งดอยมีแต่ต้นยาง ตรงตีนดอยก็มีแต่ต้นกล้วยหอม(กล้วยหอมห่มผ้าด้วย) ตอนนี้ไม่ใครหลับแล้วเพราะวิวสองข้างฝั่งที่ตื่นตามากๆ ใครมีกล้องก็กดชัตเตอร์กันรัวเลย และในที่สุดแสงจากฟ้าก็เริ่มจางหายไป มีบางท่านอยากทำกิจธุระส่วนตัวรถจึงต้องจอดข้างทางมีแต่พวกผู้ชายลงไปทำกิจธุระนี้ส่วนผู้หญิงหมดสิทธิ์ รถก็พาพวกเราไปเรื่อยๆจนเริ่มมองเห็นแสงสว่างบนทองฟ้าอีกครั้งแต่ไม่ใช่แสดงจากดวงอาทิตย์แต่เป็นแสงสว่างจากไฟฟ้าสว่างไสว และที่นั้นคือเมืองเชียงรุ่งสิบสองปันนานั้นเอง อ่านต่อตอนต่อไปเจ้า